เมนู

ว่าด้วยต้นเหตุของผัสสะ...


[488] คำว่า ผัสสะในโลกมีอะไรเป็นนิทาน ความว่า พระ-
พุทธนิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัสบอก เชิญให้ทรงแสดง ขอให้
ประสาทซึ่งมูล ฯลฯ สมุทัยแห่งผัสสะว่า ผัสสะมีอะไรเป็นนิทาน คือเกิด
เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร คือมีอะไรเป็น
นิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็นแดนเกิด เพราะ-
ฉะนั้น จึงชื่อว่า ผัสสะในโลกมีอะไรเป็นนิทาน.
[489] คำว่า และความยึดถือมีมาแต่อะไร ความว่า พระพุทธ-
นิมิตตรัสถาม สอบถาม ขอให้ตรัสบอก เชิญให้ทรงแสดง ขอให้ประสาท
ซึ่งมูล ฯลฯ สมุทัย แห่งความยึดถือทั้งหลายว่า ความยึดถือมีมาแต่อะไร
คือเกิด เกิดพร้อม บังเกิด บังเกิดเฉพาะ ปรากฏมาแต่อะไร คือมีอะไร
เป็นนิทาน มีอะไรเป็นสมุทัย มีอะไรเป็นชาติ มีอะไรเป็นแดนเกิด
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า และความยึดถือมีมาแต่อะไร.
[490] คำว่า เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี ความว่า
เมื่อไม่มีอะไร ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้อยู่ ความถือว่าของเราจึงไม่มี
ไม่เป็น ไม่ปรากฏ ไม่เข้าไปได้ คือความถือว่า ของเรา อันพระสมณะละ
ตัดขาด สงบ ระงับแล้ว ทำไม่ให้ควรเกิดขึ้น เผาเสียแล้วด้วยไฟคือญาณ
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี.
[491] คำว่า เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง ความว่า เมื่อ
อะไรไม่มี ไม่เป็น ก้าวล่วง ล่วงเลย เป็นไปล่วงแล้ว ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง
เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง เพราะเหตุนั้น
พระพุทธนิมิตนั้นจึงตรัสถามว่า

ผัสสะในโลกมีอะไรเป็นนิทาน และความยึดถือ มี
มาแต่อะไร เมื่ออะไรไม่มี ความถือว่าของเราจึงไม่มี
เมื่ออะไรไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง.

[492] (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า) ผัสสะเกิดขึ้น
เพราะอาศัยนามและรูป ความยึดถือมีความปรารถนา
เป็นนิทาน เมื่อความปรารถนาไม่มี ความถือว่าของเรา
จึงไม่มี เมื่อรูปไม่มี ผัสสะจึงไม่ถูกต้อง.

[493] คำว่า ผัสสะเกิดขึ้นเพราะอาศัยนามและรูป ความว่า
จักษุวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุและรูป ประชุมธรรม 3 ประการ
คือจักษุ รูปในส่วนรูป และสัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นจักษุสัมผัส
เป็นผัสสะ ผัสสะเกิดขึ้นเพราะอาศัยนามและรูปแม้อย่างนี้. โสตวิญญาณ
เกิดขึ้นเพราะอาศัยหูและเสียง ประชุมธรรม 3 ประการ คือหู เสียงใน
ส่วนรูป และสัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นโสตสัมผัส เป็นผัสสะ
ผัสสะเกิดขึ้นเพราะอาศัยนามและรูป แม้อย่างนี้. ฆานวิญญาณเกิดขึ้น
เพราะอาศัยจมูกและกลิ่น ประชุมธรรม 3 ประการ คือจมูก กลิ่นใน
ส่วนรูป และสัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นฆานสัมผัส เป็นผัสสะ ผัสสะ
เกิดขึ้นเพราะอาศัยนามและรูปแม้อย่างนี้. ชิวหาวิญญาณเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยลิ้นและรส ประชุมธรรม 3 ประการ คือลิ้น รสในส่วนรูป และ
สัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นชิวหาสัมผัส เป็นผัสสะ ผัสสะเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยนามและรูปแม้อย่างนี้. กายวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยกายเละโผฏ-
ฐัพพะ ประชุมธรรม 3 ประการ คือกาย โผฏฐัพพะในส่วนรูป และ

สัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นกายสัมผัส เป็นผัสสะ ผัสสะเกิดขึ้นเพราะ
อาศัยนามและรูปแม้อย่างนี้. มโนวิญญาณเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจและ
ธรรมารมณ์ ประชุมธรรม 3 ประการ คือวัตถุ รูป ในส่วนรูป ธรรม
ทั้งหลายที่มีรูปในส่วนรูป และสัมปยุตธรรมในส่วนนาม เว้นมโนสัมผัส
เป็นผัสสะ ผัสสะเกิดขึ้นเพราะอาศัยนามและรูปแม้อย่างนี้.

ว่าด้วยความยึดถือมีความปรารถนาเป็นต้นเหตุ


[494] คำว่า ความยึดถือมีความปรารถนาเป็นนิทาน ความว่า
ตัณหา เรียกว่าความปรารถนา ได้แก่ราคะ สาราคะ ฯลฯ อภิชฌา
โสภะ อกุศลมูล ชื่อว่าความยึดถือ ได้แก่ความยึดถือ 2 ประการ คือความ
ยึดถือด้วยตัณหา 1 ความยึดถือด้วยทิฏฐิ 1 ฯลฯ นี้ชื่อว่า ความยึดถือ
ด้วยตัณหา ฯลฯ นี้ชื่อว่า ความยึดถือด้วยทิฏฐิ. คำว่า ความยึดถือมีความ
ปรารถนาเป็นนิทาน
ความว่า ความยึดถือทั้งหลาย มีความปรารถนา
เป็นเหตุ มีความปรารถนาเป็นปัจจัย มีความปรารถนาเป็นการณะ
มีความปรารถนาเป็นแดนเกิด เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ความยึดถือมีความ
ปรารถนาเป็นนิทาน.
[495] คำว่า เมื่อความปรารถนาไม่มี ความถือว่าของเราจึง
ไม่มี
ความว่า ตัณหา เรียกว่า ความปรารถนา ได้แก่ราคะ สาราคะ
ฯลฯ อภิชฌา โลภะ อกุศลมูล ชื่อว่า ความถือว่าของเรา ได้แก่ความ
ถือว่าของเรา 2 อย่าง คือ ความถือว่าของเราด้วยตัณหา. ความถือว่า
ของเราด้วยทิฏฐิ 1 ฯ ลฯ นี้ชื่อว่า ความถือว่าของเราด้วยตัณหา ฯ ลฯ
นี้ชื่อว่า ความถือว่าของเราด้วยทิฏฐิ. คำว่า เมื่อความปรารถนาไม่มี